Linking to me
ปังไฮโดรโปนิกส์ ปลูกผักทานเองได้ภายในบ้าน
จำหน่ายอุปกรณ์ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ,ปุ๋ย A B,แปลงปลูกผักสลัด,ผักไฮโดร,เรดโอ๊ค,กรีนโอ๊ค ,ปุ๋ยน้ำ,เพอร์ไลท์,เวอร์มิคูไลท์
topimage

มาจากไหนหนอ??? หนอนแดง หรือไส้เดือนแดงที่พบบริเวณรากผักในแปลงไฮโดรโปนิกส์
มาจากไหนหนอ??? หนอนแดง หรือไส้เดือนแดงที่พบบริเวณรากผักในแปลงไฮโดรโปนิกส์ เราจะพบบ่อยในระบบปลูกเลี้ยงที่เปิดโล่ง ไม่ได้อยู่ในโรงเรื่อน หรือมีมุ้งคลุมเอาไว้ อีกส่วนคือถังสารละลายไม่ได้ปิดฝาให้สนิท ทำให้ตัวริ้นจืด เข้ามาวางไข่
อาการของโรครากเน่า โคนเน่าในผักสลัด ระบบไฮโดรโปนิกส์
Linking to me
http://panghydro.blogspot.com/
https://www.facebook.com/panghydro/
Connect to me
https://www.youtube.com/channel/UCj5f...
Internet of Thing (IoT) กับ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
Internet of Thing (IoT) กับ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
มายุคนี้สมัยนี้ถ้าไม่พูดถึงคำว่า IoT คงจะเรียกได้ว่าตกยุคแน่นอน อะไรคือ IOT อ่านว่า ไอโอที คำเต็มๆก็คือ Internet of Thing คือทุกๆสิ่งทุกอย่างสามารถเข้าถึงตัวมันได้ด้วยอินเตอร์เน็ตนั่นเอง โดยสิ่งที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็จะเป็นการเข้าถึงการเปิด และปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น หลอดไฟ, เครื่องปรับอากาศ หรือจะเป็นการให้อาหารสัตว์เลี้ยง
Module ที่เป็นที่นิยม ใช้งานง่าย และที่สำคัญคือราคาถูก ก็คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์ไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือระบบควบคุมขนาดเล็ก ที่สำคัญยังสามารถสื่อสารผ่านระบบ WiFi ภายในบ้านได้ด้วยนั่นก็คือ NODEMCU
NodeMcu
Nodemcu จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ตัวคอนโทรลเลอร์ และตัวรับ-ส่งสัญญาณ WiFi ซึ่งสามารถโปรแกรมผ่านทางโปรแกรม Arduino
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ก็คือ Raspberry PI ที่มีความสามารถที่สูงๆมาก เทียบเคียงได้กับ Computer 1 เครื่องได้เลย ซึ่ง Raspberry PI สามารถลงโปแกรมให้เป็น Server ทั้ง Web Server ,Database Server ได้เลย
Raspberry PI
ระบบ IoT กับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
การปลูกผักต้องมีการควมคุมสิ่งที่ผักต้องการให้อยู่ในสภาพที่คงที่ตลอดเวลา ซึ่งอุปกรณ์ IoT เหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมากต่อการควบคุม โดยเฉพาะในระบบปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ที่อำนวยต่อการนำสิ่งเหล่านี้มาควบคุมอย่างมาก โดยปกติจะต้องทำการควบคุมความเข้มข้นของปุ๋ยให้อยู่ในค่าที่เหมาะสมตลอดเวลา และรวมไปถึงค่า PH ที่มีผลมากต่อการเจริญเติบโตของผักเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อผักมีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะสัปดาห์ตั้งแต่ 4-6 (นับจากวันเพาะเมล็ด) ผักจะโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผักจะปล่อยด่างออกมามาก น้ำสารละลายก็จะมี PH ที่สูงขึ้น ทำให้ปุ๋ยเกิดการตกตะกอน และไม่สามารถให้ประโยชน์แก่ผักที่อยู่ในแปลง
ปุ๋ยกับค่าPH
Reference http://msue.anr.msu.edu/news/understanding_soil_ph_part_i
อีกหนึ่งส่วนที่สำคัญคืออุณหภูมิเนื่องจากอุณหภูมิสูง หรืออากาศร้อนจะมีผลกระทบโดยตรงกับรสชาติของผักที่เราปลูก โดยอากาศร้อน ผักจะเหี่ยวและรสชาติที่ได้ออกมาจะมีรสขม ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมีการควบคุม
ตัวอย่างระบบที่ใช้ควบคุมแปลงผักไฮโดรโปนิกส์
โปรดติดตามในตอนหน้านะครับ จะขยายความอุปกรณ์ และโค้ดที่ใช้เขียนคำสั่งต่างๆ.........
อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่ต้องมีสำหรับการปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์
การจะปลูกผักให้ได้คุณภาพ และรสชาติที่ดีนั้น จำเป็นที่จะต้องมีตัวช่วยหรือเครื่องมือที่จะนำมาใช้ตรวจสอบความต้องการต่างๆของผักที่อยู่ในแปลงไฮโดรโปนิกส์
อุปกรณ์จากภาพด้านบนประกอบไปด้วย
1.น้ำยาทดสอบความเป็นกรด-ด่างในถังสารละลาย
2.มิเตอร์วัดค่าความน้ำไฟฟ้า หรือ Electrical Conductivity(EC Meter) ซึ่งนำมาวัดปริมาณความเข้มข้นขของปุ๋ยในถังสารละลายธาตุอาหาร
ซึ่งอุปกรณ์ทั้ง2 อย่างนี้มีความจำเป็นอย่างมาก โดยตัว PH Indicator นี้จะทำให้รู้ว่าค่ากรด-ด่างในแปลงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ทำการปรับค่าให้ได้ตามเกณฑ์ เพาะค่ากรด-ด่าง มีผลโดยตรงกับประสิทธิภาพของปุ๋ย หาก PH สูงปุ๋ยบางตัวก็จะตกตะกอนไม่ละลายน้ำ ทำให้ผักไม่สามารถใช้ปรโยชน์จากปุ๋ยที่ใส่ลงไปได้ ส่งผลให้ผักเจริญเติบโตไม่ดี
ส่วนตัว EC Meter ก็จะใช้ในการวัดปริมาณธาตุอาหารในแปลงปลูกว่ามีค่ามากน้อยเพียงใด โดยหน่วยที่ใช้วัดจะเป็น มิลิซีเมนต์ (mS) เป็นหน่วยทางไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ บ่งบอกถึงการนำไฟฟ้า ซึ่งได้นำมาประยุกต์ใช้ในการหาปริมาณธาตุอาหาร โดยค่า EC สูงแทนปริมาณปุ๋ยในแปลงที่มีปริมาณมาก และในทางตรงกันข้าม ค่า EC ต่ำแทนปริมาณปุ๋ยในแปลงที่มีปริมาณน้อย
ค่า EC จะขึ้นอยู่กับชนิดของผักต่างๆที่ปลูกกัน
ตัวอย่างการวัดค่า PH โดยการหยอดน้ำยา
จะเห็นได้ว่าน้ำจากแปลงผักสีจะออกแดงๆ ซึ่งมาจากปุ๋ย A ที่ผมได้ใช้เหล็ก EDDHA น้ำที่ออกมาจะมีสีแดง แต่ก็ไม่มีปัญหากับน้ำยาวัด PH ตัวนี้ เมื่อนำมาเทียบกับ แผ่นเทียบก็จะพบว่าค่า PH อยู่ในช่วง 6.5
ผลการวัดค่า EC ในสารละลายธาตุอาหาร
ว่าด้วยเรื่องปุ๋ย A ปุ๋ย B
เมื่อเริ่มปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ใหม่ ได้ยินว่าต้องมีการให้ปุ๋ยที่ต้องใส่ไปในน้ำก็สงสัยว่าเป็นปุ๋ยอะไร ซึ่งได้ยินเพียงแต่ชื่อปุ๋ย A ปุ๋ย B ผมก็เอามาใช้ ใช้อยู่นานก็ยังไม่รู้ซักที่ว่าปุ๋ย A ปุ๋ย B มันคืออะไร แต่ตอนนี้ผ่านมาหลายปีก็เริ่มรู้แล้วว่า...
ปุ๋ย A ก็คือปุ๋ยที่มีส่วนประกอบของ
1.แคลเซียมไนเตรท Ca(NO3) ก็คือง่ายปุ๋ยA จะมีธาตุอาหารหลักคือ ไนเตรท หรือ ปุ๋ย N
2.เหล็ก ชนิดต่างๆ เช่น EDTA,EDDHA ,DTPA แล้วแต่จะเลือกใช้กันแบบไหน ส่วนตัวผมใช้ EDDHA เพราะตกตะกอนยากกว่าตัวอื่นๆ เมื่อเราไม่ค่อยได้ปรับค่า PH ของน้ำบ่อยๆ เพราะเหล็กตัวนี้ตกตะกอนที่ PH สูงๆ(น้ำเป็นด่าง)
2.เหล็ก ชนิดต่างๆ เช่น EDTA,EDDHA ,DTPA แล้วแต่จะเลือกใช้กันแบบไหน ส่วนตัวผมใช้ EDDHA เพราะตกตะกอนยากกว่าตัวอื่นๆ เมื่อเราไม่ค่อยได้ปรับค่า PH ของน้ำบ่อยๆ เพราะเหล็กตัวนี้ตกตะกอนที่ PH สูงๆ(น้ำเป็นด่าง)
ปุ๋ย B ก็คือปุ๋ยที่มีส่วนประกอบของ
1.โพแทสเซียมฟอสเฟส
2.โมโนโพแทสเซียมไนเตรท
3.แมกนีเซียมซัลเฟต
4.นิค-สเปรย์
2.โมโนโพแทสเซียมไนเตรท
3.แมกนีเซียมซัลเฟต
4.นิค-สเปรย์
แล้วจะถ่ายรูปหน้าตาของปุ๋ยแต่ละตัวมาให้ดูกันอีกทีนะครับจะได้ เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
วิธีการเพาะเมล็ดอ่อนทานตะวันด้วย เพอร์ไลท์(Perlite) กับ เวอร์มิคูไลท์(Vermiculite)
สวัสดีครับ....เมื่อวานก่อนคือ เย็นวันศุกร์ที่20 ตุลาคม 2560 ผมได้ทดลองเพาะเมล็ดอ่อนทานตะวัน (Sunflower sprout) เพื่อนำมาปรุงอาหาร และรับประทานกันเองภายในบ้าน เลยอยากจะนำเสนออุปกรณ์ และวิธีการเพาะเมล็ดอ่อนทานตะวัน ซึงเมื่อปีที่แล้ว และต้นๆปีนี้กระแสนิยมทานเมล็ดอ่อนทานตะวันเพื่อสุขภาพแรงมากๆ ถึงแม้ช่วงนี้จะไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันมากนักก็ไม่เป็นไร เราเน้นทำเองทานเอง ปลอดภัยจากยาฆ่าแมลง และสิ่งปนเปื้อนจากดินที่นำมาเพาะปลูก เริ่มกันเลยครับ
วัสดุ และอุปกรณ์
1.เมล็ดอ่อนทานตะวัน
วัสดุ และอุปกรณ์
1.เมล็ดอ่อนทานตะวัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)