วัสดุ และอุปกรณ์
1.เมล็ดอ่อนทานตะวัน
2.เพอร์ไลท์(Perlite สีขาวนะครับ) + เวอร์มิคูไลท์(Vermiculite สีออกน้ำตาล)
4.ปุ๋ย A
5.ปุ๋ย B
6.อุปกรณ์พ่นน้ำ
ขั้นตอนในการเพาะมีดังนี้นะครับ
1.นำเมล็ดทานตะวันไปแช่ในน้ำสะอาด 2 ชั่วโมง
2.นำขึ้นมาหลังจากแช่ไปแล้ว 2 ชั่วโมง โดยนำเมล็ดมาห่อไว้ด้วยพาขนหนูที่มีน้ำเปียกพอหมาดๆ
3.ทิ้งเอาไว้ 1 คืน
4.ตอนเช้านำ ถาดเพาะมาใส่วัสดุปลูกที่ผสมระหว่างเพอร์ไลท์(Perlite) + เวอร์มิคูไลท์(Vermiculite) โดยอัตราส่วน
เพอร์ไลท์(Perlite) 1: เวอร์มิคูไลท์(Vermiculite) 4
นำวัสดุทั้งสองผสมให้เข้ากันดังรูป
5.นำเพอร์ไลท์(Perlite) + เวอร์มิคูไลท์(Vermiculite) ที่ผสมแล้วมาเทใส่ถาดเพาะ โดยให้สูงจากก้นถาดประมาณ 1.5 cm
6.นำเมล็ดอ่อนทานตะวันมาโรยให้ทั่วๆถาดเพาะ
7.นำเพอร์ไลท์(Perlite) + เวอร์มิคูไลท์(Vermiculite) ที่เหลือมากลบเมล็ด โดยต้องไม่ให้เห็นเมล็ด หรือหนาประมาณ 0.5-1 cm
8.ใช้ปุ๋ย A+B มารดให้ชุ่มทั้งถาด เก็บไว้ในที่ร่ม
9.รดด้วยปุ๋ยเช้าเย็น
10.จากนั้นก็รอเวลาเก็บ ซึ่งปกติก็ 7 วันนับจากวันเพาะเมล็ด
ผลงานจากการเพาะเมล็ด
วันที่1.
เมล็ดเริ่มงอกออกมาจากเปลือกที่ห่อหุ้มบางแล้ว ต้องสังเกตุหน่อยนะครับสีค่อนข้างจะกลมกลืนกันไปหมด
กลับมาแล้วนะครับสำหรับวันที่2ของการเฝ้ารอคอยให้ต้นอ่อนทานตะวันได้โผล่ออกมาพ้นจากเมล็ด ในวันนี้บางเมล็ดที่อยู่ไม่ลึกจากวัสดุปลูกก็ได้ทะยอยโชว์ลำต้นสีขาวอมเหลืองออกมาให้เราได้เห็นบางแล้ว
นี่อีกหนึ่งมุมในการงอก
วันที่3
ตอนนี้ต้นอ่อนก็งอกพ้นวัสดุปลูกออกมาให้ได้เห็นเป็นจำนวนมากแล้ว ความสูงของลำต้นก็มากตามไปด้วย เริ่มนับถอยหลังกันได้แล้ว
วันที่4
วันนี้เอาออกแดดลำต้นเริ่มมีสีเขียวเข้มขึ้นแต่การเจริญเติบโตถือว่าไม่แตกต่างจากวันที่ 2 มากนัก
วันที่5
ปริมาณต้นอ่อนทานตะวันหนาแน่นมากขึ้น
วันที่6
ลำต้นสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ชัดเจนมากนัก ปริมาณต้นอ่อนทานตะวันหนาแน่นมากขึ้น
วันที่7
ครบกำหนดที่จะต้องนำต้นอ่อนทานตะวันมาปรุงอาหารแล้ว เนื่องจากใส่จำนวนเมล็ดทานตะวันลงไปมากเกินกับพื้นที่ในถาดไปซักหน่อยทำให้บางต้นงอกช้าไปบ้าง ทำให้ต้นอ่อนที่ได้มีความสม่ำเสมอในด้านความสูงแตกต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังงัยเสียวันนี้เราก็จะต้องนำมาประกอบอาหารแล้ว เดี๋ยวจะนำมาให้ดูอีกทีว่าทำอะไรกับต้นอ่อนเหล่านี้
เมนูยอดฮิตซึ่งเป็นจุดจบของต้นอ่อนทานตะวัน "ยำกุ้งครับ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น