topimage

topimage

Internet of Thing (IoT) กับ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์





Internet of Thing (IoT) กับ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

มายุคนี้สมัยนี้ถ้าไม่พูดถึงคำว่า IoT คงจะเรียกได้ว่าตกยุคแน่นอน อะไรคือ IOT อ่านว่า ไอโอที คำเต็มๆก็คือ Internet of Thing คือทุกๆสิ่งทุกอย่างสามารถเข้าถึงตัวมันได้ด้วยอินเตอร์เน็ตนั่นเอง โดยสิ่งที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็จะเป็นการเข้าถึงการเปิด และปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น หลอดไฟ, เครื่องปรับอากาศ หรือจะเป็นการให้อาหารสัตว์เลี้ยง

Module ที่เป็นที่นิยม ใช้งานง่าย และที่สำคัญคือราคาถูก ก็คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์ไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือระบบควบคุมขนาดเล็ก ที่สำคัญยังสามารถสื่อสารผ่านระบบ WiFi ภายในบ้านได้ด้วยนั่นก็คือ NODEMCU

NodeMcu

Nodemcu จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ตัวคอนโทรลเลอร์ และตัวรับ-ส่งสัญญาณ WiFi ซึ่งสามารถโปรแกรมผ่านทางโปรแกรม Arduino

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ก็คือ Raspberry PI ที่มีความสามารถที่สูงๆมาก เทียบเคียงได้กับ Computer 1 เครื่องได้เลย ซึ่ง Raspberry PI สามารถลงโปแกรมให้เป็น Server ทั้ง Web Server ,Database Server ได้เลย

Raspberry PI

ระบบ IoT กับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

การปลูกผักต้องมีการควมคุมสิ่งที่ผักต้องการให้อยู่ในสภาพที่คงที่ตลอดเวลา ซึ่งอุปกรณ์ IoT เหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมากต่อการควบคุม โดยเฉพาะในระบบปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ที่อำนวยต่อการนำสิ่งเหล่านี้มาควบคุมอย่างมาก โดยปกติจะต้องทำการควบคุมความเข้มข้นของปุ๋ยให้อยู่ในค่าที่เหมาะสมตลอดเวลา และรวมไปถึงค่า PH ที่มีผลมากต่อการเจริญเติบโตของผักเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อผักมีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะสัปดาห์ตั้งแต่ 4-6 (นับจากวันเพาะเมล็ด) ผักจะโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผักจะปล่อยด่างออกมามาก น้ำสารละลายก็จะมี PH ที่สูงขึ้น ทำให้ปุ๋ยเกิดการตกตะกอน และไม่สามารถให้ประโยชน์แก่ผักที่อยู่ในแปลง


ปุ๋ยกับค่าPH

Reference http://msue.anr.msu.edu/news/understanding_soil_ph_part_i


อีกหนึ่งส่วนที่สำคัญคืออุณหภูมิเนื่องจากอุณหภูมิสูง หรืออากาศร้อนจะมีผลกระทบโดยตรงกับรสชาติของผักที่เราปลูก โดยอากาศร้อน ผักจะเหี่ยวและรสชาติที่ได้ออกมาจะมีรสขม ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมีการควบคุม

ตัวอย่างระบบที่ใช้ควบคุมแปลงผักไฮโดรโปนิกส์


โปรดติดตามในตอนหน้านะครับ จะขยายความอุปกรณ์ และโค้ดที่ใช้เขียนคำสั่งต่างๆ.........

อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่ต้องมีสำหรับการปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์

การจะปลูกผักให้ได้คุณภาพ และรสชาติที่ดีนั้น จำเป็นที่จะต้องมีตัวช่วยหรือเครื่องมือที่จะนำมาใช้ตรวจสอบความต้องการต่างๆของผักที่อยู่ในแปลงไฮโดรโปนิกส์

อุปกรณ์จากภาพด้านบนประกอบไปด้วย
1.น้ำยาทดสอบความเป็นกรด-ด่างในถังสารละลาย 
2.มิเตอร์วัดค่าความน้ำไฟฟ้า หรือ Electrical Conductivity(EC Meter) ซึ่งนำมาวัดปริมาณความเข้มข้นขของปุ๋ยในถังสารละลายธาตุอาหาร

ซึ่งอุปกรณ์ทั้ง2 อย่างนี้มีความจำเป็นอย่างมาก โดยตัว PH Indicator นี้จะทำให้รู้ว่าค่ากรด-ด่างในแปลงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ทำการปรับค่าให้ได้ตามเกณฑ์ เพาะค่ากรด-ด่าง มีผลโดยตรงกับประสิทธิภาพของปุ๋ย หาก PH สูงปุ๋ยบางตัวก็จะตกตะกอนไม่ละลายน้ำ ทำให้ผักไม่สามารถใช้ปรโยชน์จากปุ๋ยที่ใส่ลงไปได้ ส่งผลให้ผักเจริญเติบโตไม่ดี

ส่วนตัว EC Meter ก็จะใช้ในการวัดปริมาณธาตุอาหารในแปลงปลูกว่ามีค่ามากน้อยเพียงใด โดยหน่วยที่ใช้วัดจะเป็น มิลิซีเมนต์ (mS) เป็นหน่วยทางไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ บ่งบอกถึงการนำไฟฟ้า ซึ่งได้นำมาประยุกต์ใช้ในการหาปริมาณธาตุอาหาร โดยค่า EC สูงแทนปริมาณปุ๋ยในแปลงที่มีปริมาณมาก และในทางตรงกันข้าม ค่า EC ต่ำแทนปริมาณปุ๋ยในแปลงที่มีปริมาณน้อย

ค่า EC จะขึ้นอยู่กับชนิดของผักต่างๆที่ปลูกกัน


ตัวอย่างการวัดค่า PH โดยการหยอดน้ำยา

จะเห็นได้ว่าน้ำจากแปลงผักสีจะออกแดงๆ ซึ่งมาจากปุ๋ย A ที่ผมได้ใช้เหล็ก EDDHA น้ำที่ออกมาจะมีสีแดง แต่ก็ไม่มีปัญหากับน้ำยาวัด PH ตัวนี้ เมื่อนำมาเทียบกับ แผ่นเทียบก็จะพบว่าค่า PH อยู่ในช่วง 6.5 


ผลการวัดค่า EC ในสารละลายธาตุอาหาร








ว่าด้วยเรื่องปุ๋ย A ปุ๋ย B

เมื่อเริ่มปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ใหม่ ได้ยินว่าต้องมีการให้ปุ๋ยที่ต้องใส่ไปในน้ำก็สงสัยว่าเป็นปุ๋ยอะไร ซึ่งได้ยินเพียงแต่ชื่อปุ๋ย A ปุ๋ย B ผมก็เอามาใช้ ใช้อยู่นานก็ยังไม่รู้ซักที่ว่าปุ๋ย A ปุ๋ย B มันคืออะไร แต่ตอนนี้ผ่านมาหลายปีก็เริ่มรู้แล้วว่า...
ปุ๋ย A ก็คือปุ๋ยที่มีส่วนประกอบของ
1.แคลเซียมไนเตรท Ca(NO3) ก็คือง่ายปุ๋ยA จะมีธาตุอาหารหลักคือ ไนเตรท หรือ ปุ๋ย N
2.เหล็ก ชนิดต่างๆ เช่น EDTA,EDDHA ,DTPA แล้วแต่จะเลือกใช้กันแบบไหน ส่วนตัวผมใช้ EDDHA เพราะตกตะกอนยากกว่าตัวอื่นๆ เมื่อเราไม่ค่อยได้ปรับค่า PH ของน้ำบ่อยๆ เพราะเหล็กตัวนี้ตกตะกอนที่ PH สูงๆ(น้ำเป็นด่าง)
ปุ๋ย B ก็คือปุ๋ยที่มีส่วนประกอบของ
1.โพแทสเซียมฟอสเฟส
2.โมโนโพแทสเซียมไนเตรท
3.แมกนีเซียมซัลเฟต
4.นิค-สเปรย์
แล้วจะถ่ายรูปหน้าตาของปุ๋ยแต่ละตัวมาให้ดูกันอีกทีนะครับจะได้ เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

รีวิวแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ชนิด NFT ขนาด 60 หลุมปลูก



วิธีการเพาะเมล็ดอ่อนทานตะวันด้วย เพอร์ไลท์(Perlite) กับ เวอร์มิคูไลท์(Vermiculite)

สวัสดีครับ....เมื่อวานก่อนคือ เย็นวันศุกร์ที่20 ตุลาคม 2560 ผมได้ทดลองเพาะเมล็ดอ่อนทานตะวัน  (Sunflower sprout) เพื่อนำมาปรุงอาหาร และรับประทานกันเองภายในบ้าน เลยอยากจะนำเสนออุปกรณ์ และวิธีการเพาะเมล็ดอ่อนทานตะวัน ซึงเมื่อปีที่แล้ว และต้นๆปีนี้กระแสนิยมทานเมล็ดอ่อนทานตะวันเพื่อสุขภาพแรงมากๆ ถึงแม้ช่วงนี้จะไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันมากนักก็ไม่เป็นไร เราเน้นทำเองทานเอง ปลอดภัยจากยาฆ่าแมลง และสิ่งปนเปื้อนจากดินที่นำมาเพาะปลูก เริ่มกันเลยครับ

วัสดุ และอุปกรณ์
1.เมล็ดอ่อนทานตะวัน